silver knight

Silver Knight สกอตช์วิชกี้จากประเทศต้นกำเนิด

มีความภูมิใจที่จะนำเสนอให้ตลาดวิสกี้ในประเทศไทยได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีและมีคุณภาพสูง พวกเขามุ่งมั่นที่จะให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์สกอตช์วิชกี้ที่ดีที่สุดและมีราคาที่เข้าถึงได้ อีกทั้งพวกเขายังมุ่งเน้นที่จะเติมเต็มความหมายให้กับทุกช่วงเวลาในทุกคืนของผู้บริโภคและสร้างมิตรภาพที่มีความสุขยิ่งกว่าเดิม

นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ประธานฝ่ายการตลาดสูงสุดของ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ได้เปิดเผยถึงความเฉพาะทางของ Silver Knight (ซิลเวอร์ไนท์) ว่าเป็นสกอตวิสกี้แท้ที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยมอย่างพิถีพิถัน เช่น ข้าวบาร์เลย์ ผลิตจากมอลต์คุณภาพสูงสุด และการกลั่นที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันตามมาตรฐานของสมาคมสก็อตวิสกี้ ที่ปลูกในประเทศอังกฤษและสกอตแลนด์เท่านั้น

โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลจากสมาคมวิสกี้สก็อตช์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในการผสมผสานวิสกี้ระดับโลกในการคัดเลือกวิสกี้จากภูมิภาคของโลว์แลนด์ ไฮแลนด์ และสเปย์ไซด์ของสก็อตแลนด์ ที่มีแหล่งน้ำบริสุทธิ์และเป็นที่มาของวิสกี้ ระดับโลกหลายชนิดมากมาย โดยใช้เวลาในการหมักถึง 8 ปี เพื่อให้ได้วิสกี้สก็อตแท้ที่มีคุณภาพเต็มรูปแบบ และ มีเอกลักษณ์ของซิลเวอร์ไนท์ ซึ่งทำให้ต่างจากแบรนด์ไทยอื่นๆในตลาดได้อย่างชัดเจน

บุญรอดบริวเวอรี่ ซึ่งเป็นผู้นำในวงการเบียร์มานานถึง 90 ปี ได้ขยายกิจการเข้าสู่การผลิตเหล้านอก

โดยเริ่มต้นด้วยการผลิตสก็อตช์วิสกี้ใต้แบรนด์ ‘ซิลเวอร์ไนท์’ โดยใช้กระบวนการหมักบ่มที่ยาวนานถึง 8 ปี เพื่อให้ได้สก็อตช์วิสกี้ที่มีคุณภาพและเป็นเอกลักษณ์ของซิลเวอร์ไนท์ นับเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนจากแบรนด์อื่นในตลาดไทย โดยได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจากสมาคมวิสกี้สก็อตช์อย่างเต็มรูปแบบ

สกอตช์วิชกี้

Silver Knight ตั้งเป้าหมายเป็นแบรนด์สก็อตช์วิสกี้เซ็กเมนต์พรีเมี่ยม

การเข้าชิงตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกประเทศ ‘สก็อตช์วิสกี้’ เป็นการแข่งขันใหม่ที่ซับซ้อน โดยไม่เพียงแต่ต้องต่อสู้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง JOHNNIE WALKER และ CHIVAS REGAL เท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาการแข่งขันกับ ‘ไทยเบฟเวอเรจ’ ซึ่งเป็นแบรนด์โลคอลที่แข็งแกร่งในตลาดในประเทศ ซึ่ง ‘ไทยเบฟเวอเรจ’ มีเบลนด์ 285 และคราวน์ 99 เป็นต้น

จากข้อมูลที่ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรีอยุธยาอ้างอิงไว้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 473,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนแบ่งของตลาดเครื่องดื่มทั้งหมดถึง 64% โดยส่วนใหญ่มาจากเบียร์ที่มีส่วนแบ่งในเชิงปริมาณถึง 71.3% ตามด้วยสุราที่มีส่วนแบ่งในเชิงปริมาณถึง 26.7% 

ตลาดการจำหน่ายสุรามีมูลค่ารวมทั้งหมดอยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาท โดยไทยเบฟเวอเรจเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งทั้งหมด 59.5% ตามด้วยบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ที่ครองส่วนแบ่งอยู่ที่ 8.0% และบริษัท รีเจนซี่ บรั่นดีไทย จำกัด ที่ครองส่วนแบ่งอยู่ที่ 4.4% รวมทั้งบริษัทอื่นๆ ครองส่วนแบ่งอยู่ที่ 28.1%

จากมุมมองนี้, สิงห์เลือกที่จะกระโดดเข้าไปเล่นด้วยตัวเอง โดยมีความหวังที่จะครองส่วนแบ่งในตลาดเครื่องดื่มแบบครบชุด แต่การทำเช่นนี้ไม่ได้ง่ายดายเลย แม้ว่าเขาจะถือตัวเองว่าเป็นยักษ์ในวงการเบียร์ อย่างไรก็ตาม, เกมการแข่งขันของสิงห์นั้นคาดว่าจะสร้างความสนุกสนานอย่างเหมาะสม และการเข้าร่วมในการแบ่งส่วนของตลาดเพิ่มเติมนี้, ยุทธศาสตร์และคุณค่าสินค้าจะต้องมีคุณภาพที่ดีอย่างครบถ้วน